
อสังหาฯ แบบ Leasehold และ Freehold ต่างกันอย่างไร? เข้าใจให้ชัดก่อนตัดสินใจลงทุน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาการลงทุนหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย หนึ่งในคำศัพท์ที่มักพบและทำให้หลายคนสับสนคือ Leasehold (สิทธิการเช่า) และ Freehold (กรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบ) ความแตกต่างของสองรูปแบบนี้มีผลโดยตรงต่อสิทธิในการครอบครอง มูลค่าการลงทุน และการวางแผนในอนาคต
บทความนี้จะช่วยอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า Leasehold และ Freehold ต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณ
Leasehold คืออะไร?
Leasehold หมายถึง การได้สิทธิในการใช้หรืออยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาเช่า ซึ่งตามกฎหมายไทยมักมีอายุไม่เกิน 30 ปี (และสามารถต่อสัญญาใหม่ได้ตามข้อตกลง) โดยสิทธิที่ได้รับจะไม่เท่ากับเจ้าของที่ดินหรือทรัพย์สินอย่างแท้จริง
จุดเด่นของ Leasehold:
- ราคาซื้อหรือค่าใช้จ่ายมักต่ำกว่า Freehold
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ทรัพย์สินชั่วคราว เช่น อยู่อาศัยช่วงทำงาน หรือใช้เป็นที่พักตากอากาศ
- ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลทรัพย์สินในระยะยาว เพราะสิทธิจะสิ้นสุดเมื่อครบสัญญา
ข้อจำกัดของ Leasehold:
- ไม่มีสิทธิในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างเมื่อหมดสัญญา
- การขายหรือโอนสิทธิทำได้ยากกว่า และมักมีข้อจำกัดทางกฎหมาย
- มูลค่าการลงทุนลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เพราะระยะเวลาสิทธิร่นลงเรื่อย ๆ
Freehold คืออะไร?
Freehold หมายถึง การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างเต็มรูปแบบ สามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ขาย โอน หรือมอบเป็นมรดกได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา
จุดเด่นของ Freehold:
- มีสิทธิครอบครองเต็มรูปแบบ ทั้งที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- สามารถขาย โอน หรือให้เช่าได้อย่างอิสระ
- มูลค่าทรัพย์สินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะทำเลที่มีศักยภาพ
- เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าและความมั่นคงในครอบครัว
ข้อควรพิจารณาของ Freehold:
- ราคาซื้อสูงกว่า Leasehold อย่างชัดเจน
- มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมโอน และภาษีที่ดิน
- ต้องรับผิดชอบการดูแลทรัพย์สินในระยะยาวด้วยตนเอง
ความแตกต่างระหว่าง Leasehold และ Freehold
ประเด็น | Leasehold (สิทธิการเช่า) | Freehold (กรรมสิทธิ์เต็มรูปแบบ) |
---|---|---|
สิทธิครอบครอง | ใช้ได้ตามสัญญา (สูงสุด 30 ปี) | ครอบครองได้ถาวร ไม่มีหมดอายุ |
ราคา | มักถูกกว่า | มักแพงกว่า |
การโอนกรรมสิทธิ์ | ทำได้ยาก ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา | ขายหรือโอนได้อิสระ |
การลงทุนระยะยาว | มูลค่าลดลงเมื่อระยะเวลาสิทธิลดลง | มูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว |
ความเหมาะสม | เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ชั่วคราวหรือลงทุนระยะสั้น | เหมาะกับการสร้างมรดกและลงทุนระยะยาว |
ควรเลือกแบบไหนดี?
การเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบ Leasehold หรือ Freehold ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายและงบประมาณของคุณ:
- หากคุณต้องการ อยู่อาศัยหรือลงทุนระยะสั้น และต้องการลดค่าใช้จ่าย upfront Leasehold อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะ
- หากคุณมองหา ความมั่นคงระยะยาว การลงทุนเพื่อสร้างมูลค่า หรือการส่งต่อให้ลูกหลาน Freehold คือคำตอบที่คุ้มค่ากว่า แม้จะต้องลงทุนสูงกว่า
เคล็ดลับก่อนตัดสินใจ
- ตรวจสอบสัญญาให้ละเอียด โดยเฉพาะกรณี Leasehold ควรรู้ว่าเมื่อหมดสัญญา ทรัพย์สินจะเป็นของใคร
- เปรียบเทียบความคุ้มค่าระยะยาว ทั้งในแง่ราคา ผลตอบแทน และการใช้ประโยชน์
- เลือกทำเลที่มีศักยภาพ เพราะทำเลมีผลอย่างมากต่อการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะ Freehold
- ขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและอสังหาฯ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
สรุป
Leasehold และ Freehold แตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในด้านสิทธิครอบครอง มูลค่า และการลงทุนระยะยาว ผู้ซื้อหรือผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบให้ชัดเจน และเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายและความต้องการของตนเอง เพื่อให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าและสร้างประโยชน์สูงสุดในระยะยาว