
แนวโน้มการซื้อบ้านร่วมกันระหว่างเพื่อนหรือพี่น้อง: ทางเลือกใหม่ของคนรุ่นใหม่
ในยุคที่ราคาบ้านในเมืองใหญ่พุ่งสูงสวนทางกับรายได้ของคนวัยทำงาน การเป็นเจ้าของบ้านกลายเป็นเรื่องท้าทายมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นสร้างตัว หรือแม้แต่คนที่มีรายได้มั่นคงแต่ยังไม่พร้อมกู้คนเดียว การซื้อบ้านร่วมกันระหว่างเพื่อนหรือพี่น้องจึงกลายเป็น “ทางออก” ที่น่าสนใจและเริ่มเห็นบ่อยขึ้นในสังคมไทยปัจจุบัน
1. ปรากฏการณ์ใหม่ของคนรุ่นใหม่
จากแนวคิดเดิมที่บ้านควรเป็นของ “ครอบครัว” หรือคู่สามีภรรยาเท่านั้น ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มเปลี่ยนวิธีคิด โดยมองว่าบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อแค่กับคู่รัก แต่สามารถวางแผนร่วมกับ “เพื่อนสนิท” หรือ “พี่น้อง” ที่ไว้ใจได้ เพื่อแบ่งเบาภาระและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
แนวโน้มนี้พบได้บ่อยในกลุ่ม:
- คนโสดที่มีเพื่อนสนิทมีวิถีชีวิตใกล้เคียงกัน
- พี่น้องที่ไม่แยกย้ายไปมีครอบครัวของตัวเอง
- เพื่อนร่วมงานที่ต้องการอยู่ใกล้ที่ทำงานในเมือง
- กลุ่ม LGBTQ+ ที่ยังไม่เข้าสู่ระบบครอบครัวแบบดั้งเดิม
2. ข้อดีของการซื้อบ้านร่วมกัน
✅ แบ่งเบาค่าใช้จ่าย
การซื้อบ้านร่วมกันช่วยลดภาระผ่อนรายเดือน ค่าดาวน์ ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ได้อย่างเห็นผล
✅ ได้บ้านที่ดีกว่า
เมื่อรวมกำลังซื้อกัน ผู้ซื้อสามารถเลือกบ้านในทำเลที่ดีกว่า หรือขนาดใหญ่กว่าที่ซื้อคนเดียวได้ เช่น บ้านสองชั้น บ้านมีสนาม หรือคอนโดใกล้รถไฟฟ้า
✅ ใช้ชีวิตร่วมกันได้จริง
หลายคนเติบโตมากับเพื่อนหรือพี่น้อง จึงมีไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้องกัน เช่น การทำอาหารร่วมกัน ดูซีรีส์ เล่นกีฬา หรือดูแลสัตว์เลี้ยง
3. สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
แม้จะมีข้อดีหลายด้าน แต่การซื้อบ้านร่วมกันย่อมมีเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องคิดให้รอบคอบ
📌 สัญญาและการแบ่งกรรมสิทธิ์
ควรทำเอกสารระบุกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจน เช่น ซื้อในชื่อใครบ้าง แบ่งสัดส่วนคนละเท่าไหร่ หรือถ้าขายต่อจะแบ่งผลประโยชน์อย่างไร
📌 ข้อตกลงด้านการใช้พื้นที่
ควรตกลงล่วงหน้าว่าใครจะพักส่วนไหน แบ่งพื้นที่ส่วนตัว-ส่วนกลางอย่างไร ป้องกันความขัดแย้งภายหลัง
📌 แผนในกรณีหนึ่งคนอยากขาย
หากวันหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการขาย หรือแยกออกไป ควรมีแผนรองรับ เช่น การขายต่อ การซื้อหุ้นคืน หรือการหาผู้ร่วมลงทุนคนใหม่
4. รูปแบบบ้านที่เหมาะกับการอยู่ร่วมกัน
ไม่ใช่บ้านทุกแบบจะเหมาะกับการอยู่ร่วมกันระยะยาว การเลือกแบบบ้านจึงควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความยืดหยุ่น เช่น:
- บ้านแฝดหรือทาวน์โฮม ที่มีห้องนอนแยกหลายห้อง
- บ้านสองชั้น ที่แบ่งพื้นที่ชั้นบนและล่างชัดเจน
- บ้านมีห้องน้ำหลายห้อง เพื่อลดความอึดอัดในเวลาเร่งรีบ
- คอนโด 2 ห้องนอน ที่อยู่ในทำเลสะดวกกับทั้งสองฝ่าย
5. แนวโน้มในอนาคต: จากทางเลือกสู่กระแสหลัก
แนวคิด “ซื้อบ้านร่วมกัน” อาจเริ่มต้นจากความจำเป็นทางเศรษฐกิจ แต่ในอนาคตอาจกลายเป็นวิถีชีวิตที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่ให้คุณค่ากับความยืดหยุ่น เสรีภาพ และมิตรภาพมากกว่าการครอบครองเดี่ยว
นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าอสังหาฯ บางโครงการอาจพัฒนาแบบบ้านหรือคอนโดที่ตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องเป็นครอบครัว เช่น มีล็อบบี้ส่วนตัว ห้องน้ำแยก ห้องทำงานแยก หรือมีระบบบริหารจัดการร่วม
สรุป: การซื้อบ้านร่วมกันเป็นทางเลือกที่น่าคิด หากมีความชัดเจนและความเข้าใจ
หากคุณกำลังคิดจะซื้อบ้านแต่กังวลเรื่องภาระทางการเงิน ลองพิจารณาแนวทางการซื้อร่วมกับเพื่อนหรือพี่น้องที่ไว้วางใจได้ ด้วยการวางแผนที่ดี ทำข้อตกลงให้ชัดเจน และเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ชีวิตร่วมกัน อาจทำให้คุณได้บ้านในฝันโดยไม่ต้องแบกรับทุกอย่างเพียงลำพัง
บ้านหลังแรกอาจไม่ต้องเป็นของเราคนเดียวเสมอไป… บางครั้งการมี “บ้านของเรา” ที่มีรอยยิ้มและความเข้าใจ อาจคุ้มค่ากว่าสิ่งปลูกสร้างใด ๆ